A Boy :: - A Boy :: นิยาย A Boy :: : Dek-D.com - Writer

    A Boy ::

    เมื่อเด็กชายอายุ12 ต้องเผชิญกับความลึกลับในหัวสมองของตัวเอง

    ผู้เข้าชมรวม

    245

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    245

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  จิตวิทยา
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ม.ค. 49 / 19:07 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      "เร็วสิ....อาเธอร์"

      "แบร่~ เจ้าลูกแหง่ ไอ้คนบ้า" เด็กชายตัวโตผมสีทองหันมาแลบลิ้น แล้วก็วิ่งจากไป 

                       หลังเลิกเรียนที่น่าเบื่อของปีเตอร์ต้องถูกเพื่อนๆร่วมห้องล้อเลียนอยู่ร่ำไป  ปีเตอร์เพิ่งอายุครบ12ปีเต็มเมื่อไม่นานมานี้  การที่แม่ของปีเตอร์มารับทุกเย็นหลังเลิกเรียนเป็นสิ่งที่เพื่อนของปีเตอร์นำมาล้อกันอย่างสนุกสนาน ทั้งที่เขาก็ไม่เห็นว่ามันจะแปลกตรงไหนที่แม่เขามารับ  เขาต้องการให้แม่มารับอยู่ทุกวันเพราะเขารู้สึกกลัวทุกครั้งที่ต้องเดินกลับบ้านเพียงลำพัง แต่เขาไม่ได้ต้องการให้เพื่อนของเขานำเรื่องนี้มาล้อเลียน  เขาเพียงแค่ไม่ต้องการความโดดเดียวเท่านั้น  สิ่งเดียวที่ปีเตอร์หวังคือให้เพื่อนของเขาเห็นเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติเสียที

      "วันนี้นายเรียนวิทยาศาตร์เข้าใจมั๊ยอาเธอร์"ปีเตอร์หันมาพูด

      "ฉันละเกลียดวิทยาศาสตร์เข้ากระดูกดำเชียวล่ะอาเธอร์ ทำยังไงถึงจะเก่งเหมือนนายสักทีนะ"ปีเตอร์หันมาพูดพร้อมกับยิ้ม

                      โถงทางเดินกว้างมีคนเดินอยู่เพียงเล็กน้อย รวมทั้งปีเตอร์ที่เพิ่งเดินออกจากห้องเรียนเพียงลำพัง  เขาชอบเวลานี้มากที่สุด เวลาที่ไม่มีคนมากวนใจเขา  กระเป๋าสะพายข้างหลังของปีเตอร์หนักเกินกว่าที่บ่าของเขาจะรับได้  เขาต้องเอามือทั้งสองข้างช่วยพยุงเอาไว้ด้วย 

      "สวัสดีครับแม่" ปีเตอร์กล่าวทักทายแม่ของเขา เธอยิ้มตอบแล้วดึงกระเป๋ามาจากปีเตอร์ หล่อนเดินนำปีเตอร์ไปที่รถที่จอดอยู่ไม่ไกลจากจุดนั้น ปีเตอร์ตั้งหน้าตั้งตาที่จะเดินไปขึ้นรถเพียงอย่างเดียวเพื่อหลบสายตาของเพื่อนๆที่จ้องมองมาที่เขา เขารีบที่จะขึ้นรถโดยก้มมองแต่พื้นแม่ของเขาไม่รู้ตัวเลยว่ามีแต่คนจ้องมองปีเตอร์ ผมสีดำเป็นมันที่ถูกหวีซะเรียบร้อยและควงตากลมโตสีเขียวเป็นสัญลักษณ์ของปีเตอร์โดยเฉพาะ รถเริ่มเคลื่อตัวออกจากโรงเรียนอย่างช้าๆ

      "วันนี้เรียนเป็นไงมั่งลูก"นางเชอเรลเริ่มบทสนทนา

      "ก้อเรื่อยๆแหละครับแม่"ปีเตอร์หันมาตอบแล้วหันไปมองทางหลังรถแล้วฉีกยิ้มออกมา

      "ว่าแต่แม่ครับ เมื่อไหร่แม่จะบอกผมสักทีว่าทำไมต้องมีแต่คนด่าผมว่าบ้าด้วยครับ"ปีเตอร์ยิงคําถามใส่ผู้เป็นแม่โดยที่เขาไม่ได้หันไปทางผู้ถูกถามเลยสักนิด

      "ไว้ถึงเวลาลูกก็จะรู้เองแหละจ๊ะ" นางเชอเรลหันมาตอบในเชิงปลอบ

      "แม่ตอบผมอย่างงี้มาหลายครั้งแล้วนะครับ ผมโตแล้วนะครับแม่" คราวนี้ปีเตอร์หันมาตอบไม่หยุดเว้นหายใจ

                 บรรยากาศบนรถอึมครึมขึ้น ปีเตอร์มองออกไปที่นอกรถ ในขณะที่นางเชอเรลเอื้อมมือมาเปิดวิทยุหวังจะทำลายบรรยากาศความเครียดนี้ลงได้ 
              รถจอดลงที่หน้าบ้านโดยที่ทั้งคู่ยังไม่ได้คุยกันอีกเลย เพียงแต่นางเชอเรลสีหน้าเป็นปกติมากเพราะเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับหล่อนทุกๆวัน ส่วนปีเตอร์ก็ดึงกระเป๋าของเขาออกจากรถแล้วรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้านทันที  
       กระเป๋าถูกโยนทิ้งไว้บนโซฟาหนังสีครีม

                 "เก่งจริงก็รีบวิ่งตามมาสิ" ปีเตอร์หันมาตะโกนบอกแล้วก็รีบวิ่งขึ้นห้องไป นางเชอเรลส่ายหน้าแล้วเดินเข้าบ้านไป หล่อนเดินไปหยิบกระเป๋าของปีเตอร์แล้วค่อยๆเดินขึ้นบันได 

                      ประตูที่ถูกเปิดออกอยู่เล็กน้อยทำให้นางเชอเรลมองเห็นปีเตอร์จากภายนอกได้ ปีเตอร์นั่งอยู่กลางห้องเพียงคนเดียวรอบๆเต็มไปด้วยของเล่นที่กระจัดกระจาย แสงอาทิตย์ส่องผ่านม่านสีครีมเข้ามาในห้องสะท้อนหน้าของปีเตอร์ พอนางเชอเรลเดินเข้าไปใกล้ประตู หล่อนก็เห็นว่าปีเตอร์กำลังจ้องมองกระดานหมากรุกแล้วหัวเราะอยู่เพียงคนเดียว

      "หวังว่านายคงจะไม่โกงฉันนะอาเธฮร์"ปีเตอร์พูดขณะกำลังมองกระดานหมากรุก นางเชอเรลน้ำตาไหลออกมาจากตาดวงตาออกมาเป็นทาง หล่อนเคยพาปีเตอร์ไปหาจิตแพทย์แล้วหลายครั้งแต่ก็ไม่เคยรักษาปีเตอร์ได้เลย เพราะปีเตอร์ไม่ได้อยู่ในภาวะจิตหลอน ปีเตอร์เพียงจดจำลักษณะของมนุษย์คนหนึ่งตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เขาจึงได้ยังคงหลงเหลือความทรงจำมาจนถึงปัจจุบัน จิตแพทย์ท่านหนึ่งบอกกับนางเชอเรลว่า "อาการเหล่านี้อาจจะไม่หายเลยก็ได้เนื่องจากอาการช็อคไปกระตุ้นสมองของปีเตอร์ตั้งแต่6ขวบ"  อาการของปีเตอร์นั้นไม่ได้แสดงออกมาเลยแต่ถูกเพาะบ่มมาทีละนิดจนมาเริ่มแสดงอาการเมื่ออายุ9ขวบ

                      นางเชอเรลเคยบอกกับปีเตอร์เมื่อปีก่อนว่าน้องชายฝาแฝดของเขาได้ตายไปตั้งนานแล้ว แต่ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่หล่อนบอก  อาการของปีเตอร์จะเป็นหนักมากขึ้นกว่าเดิม

      "กินข้าวได้แล้วลูกปีเตอร์"นางเชอเรลพูดทั้งที่ยังน้ำตาคลออยู่ที่ดวงตา

      ปีเตอร์แหงนหน้ามามองไปยังฝั่งตรงข้าม

      "ไปกินข้าวกันเถอะ...อาเธอร์"

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×